ทำไมคนวัยทำงานถึงเป็นออฟฟิศซินโดรมกันเยอะ? และจะป้องกันได้อย่างไร

ในยุคปัจจุบันที่คนวัยทำงานต้องนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์วันละหลายชั่วโมง ปัญหาสุขภาพที่ตามมาและถูกมองข้ามคือ “ออฟฟิศซินโดรม” โรคยอดฮิตของคนยุคใหม่ที่แม้จะไม่ได้อันตรายถึงชีวิต แต่ก็สามารถส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและประสิทธิภาพการทำงานในระยะยาวได้ บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจว่าทำไมวัยทำงานถึงมีแนวโน้มเป็นออฟฟิศซินโดรมสูง อาการที่ควรระวัง และ วิธีป้องกัน ที่ได้ผลกันค่ะ

ออฟฟิศซินโดรมคืออะไร?

ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) เป็นกลุ่มอาการที่เกิดจาก การทำงานซ้ำ ๆ และท่าทางที่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะในคนที่นั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน เช่น นั่งหลังค่อม นั่งไขว่ห้าง หรือไม่มีการเคลื่อนไหวร่างกายเลยตลอดทั้งวัน

ทำไมวัยทำงานถึงเป็นออฟฟิศซินโดรมกันเยอะ?

1. นั่งทำงานในท่าทางที่ผิดนานเกินไป

พนักงานออฟฟิศส่วนใหญ่นั่งทำงานวันละ 6–10 ชั่วโมงโดยไม่เปลี่ยนท่าทาง ส่งผลให้กล้ามเนื้อบางส่วนถูกใช้งานหนักเกินไปขณะที่บางส่วนไม่ได้ขยับเลย

2. ขาดการเคลื่อนไหวระหว่างวัน

หลายคนทำงานจนลืมลุกเดิน ยืดเส้น หรือเปลี่ยนท่าทาง ทำให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้ไม่ดี และส่งผลต่อกล้ามเนื้อและเส้นประสาท

3. โต๊ะ-เก้าอี้ไม่มีมาตรฐานสรีรศาสตร์

 โต๊ะทำงานที่สูงหรือต่ำเกินไป เก้าอี้ไม่มีพนักพิง หรือไม่มีที่รองแขน ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดแรงกดผิดจุดและสะสมจนกลายเป็นอาการเจ็บเรื้อรัง

4. ความเครียดสะสม

 ความเครียดจากงานไม่เพียงแค่ส่งผลต่อจิตใจ แต่ยังทำให้กล้ามเนื้อเกร็งโดยไม่รู้ตัว ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของอาการปวดคอ บ่า ไหล่

สัญญาณเตือนว่า “คุณอาจเป็นออฟฟิศซินโดรม” แล้ว

  • ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อบริเวณ คอ บ่า ไหล่ หลัง หรือข้อมือ
  • ชาที่ปลายนิ้วหรือแขน
  • ปวดหัว ตาพร่า เห็นภาพไม่ชัด
  • อ่อนล้าระหว่างวันแม้จะไม่ได้ใช้แรงมาก
  • ปวดตึงเรื้อรังแม้จะพักผ่อนเต็มที่

วิธีป้องกันออฟฟิศซินโดรมที่ได้ผลจริง

ปรับสรีระโต๊ะทำงานให้ถูกหลัก

  • หน้าจอคอมพิวเตอร์ควรอยู่ระดับสายตา
  • แขนควรวางพอดีกับที่วางแขน เก้าอี้ควรมีพนักพิงหลัง
  • คีย์บอร์ดควรอยู่ในระดับที่ไม่สูงเกินไป เวลาพิมพ์แล้วไหล่ไม่ยก

ลุกขึ้นเคลื่อนไหวทุก 1 ชั่วโมง
ลองตั้งนาฬิกาปลุกทุก 60 นาทีเพื่อ ยืดเหยียดหรือเดินไปเดินมา 2–5 นาที ก็ช่วยลดการกดทับของกล้ามเนื้อได้

ออกกำลังกายเสริมกล้ามเนื้อ
เลือกเล่นโยคะ, พิลาทิส, ว่ายน้ำ หรือยืดกล้ามเนื้อเฉพาะส่วน เช่น ท่าบริหารคอ บ่า ไหล่ ช่วยให้กล้ามเนื้อไม่ตึง

ใช้อุปกรณ์เสริมให้เหมาะสม
เช่น ใช้เมาส์ตามหลักสรีรศาสตร์, เบาะรองหลัง หรือแผ่นรองข้อมือ ซึ่งช่วยลดแรงกดจุดเสี่ยงได้

ฝึกการหายใจคลายเครียด
ใช้เทคนิคการหายใจลึก ๆ และการทำสมาธิเพื่อคลายความเครียดที่อาจสะสมจนแสดงออกทางร่างกาย

แม้การเป็นออฟฟิศซินโดรมอาจฟังดูไม่ร้ายแรง แต่ถ้าปล่อยไว้นานออฟฟิศซินโดรมสามารถลุกลามไปจนกระทบการใช้ชีวิตประจำวัน ดังนั้นการเริ่มปรับพฤติกรรมตั้งแต่วันนี้ จะช่วยให้คุณมีสุขภาพที่ดีและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สำหรับคนวัยทำงานคนไหนที่อยากเข้ารับการรักษาอาการออฟฟิศซินโดรมด้วยการทำกายภาพบำบัด สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Rehab Care Clinic คลินิกเฉพาะทางด้านการทำกายภาพบำบัด ที่ดูแลโดยแพทย์เฉพาะทางที่มีความเชี่ยวชาญพร้อมนักกายภาพบำบัดมืออาชีพ